วรรคทองในวรรณคดีไทย
๑)วรรคทองจากสุภาษิตสอนหญิง
จะพูดจาปราศรัยกับใครนั้น
อย่าตะคั้นตะคอกให้เคืองหู
ไม่ควรพูดอื้ออึงขึ้นมึงกู
คนจะหลู่ล่วงลามไม่ขามใจ
อย่าตะคั้นตะคอกให้เคืองหู
ไม่ควรพูดอื้ออึงขึ้นมึงกู
คนจะหลู่ล่วงลามไม่ขามใจ
(สุนทรภู่)
วิเคราะห์ด้านเนื้อหา:
จากสุภาษิตสอนหญิงบทนี้ได้ มีการสอนเรื่องการรักษามารยาทในการพูด
ไม่ใช้อารมณ์ และน้ำเสียงที่ดังจนเกินไป รวมถึงไม่พูดในคำที่ไม่สุภาพออกมาเพราะจะทำให้ผู้ฟังคนอื่น
ๆฟังแล้วไม่สบายหูได้ และจะหาว่าเราเป็นคนไม่มีมารยาทไม่มีความเกรงใจคนเอาได้
๒)วรรคทองจากนิราศเมืองแกลง
ถึงหน้าวังดังหนึ่งใจจะขาด
คิดถึงบาทบพิตรอดิศร
โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณของสุนทร
แต่ปางก่อนเคยเฝ้าทุกเช้าเย็น
พระนิพพานปานประหนึ่งศีรษะขาด
ด้วยไร้ญาติยากแค้นถึงแสนเข็ญ
ทั้งโรคซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น
ไม่เล็งเห็นที่ซึ่งจะพึ่งพา
คิดถึงบาทบพิตรอดิศร
โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณของสุนทร
แต่ปางก่อนเคยเฝ้าทุกเช้าเย็น
พระนิพพานปานประหนึ่งศีรษะขาด
ด้วยไร้ญาติยากแค้นถึงแสนเข็ญ
ทั้งโรคซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น
ไม่เล็งเห็นที่ซึ่งจะพึ่งพา
(สุนทรภู่)
วิเคราะห์ด้านเนื้อหา:
จากนิราศเมืองแกลงบทนี้ได้ความว่าขณะที่สุนทรภู่กำลังลองเรือไปในแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่นั้น
พอเรือถึงบริเวณหน้าวังสุนทรภู่รู้สึกเสียใจมากจนแทบขาดใจเพราะคิดถึงครั้งเคยได้ถวายงานรับใช้พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยในทุกเช้าเย็น
แต่เมื่อพระองค์ท่านสวรรคตแล้วสุนทรภู่ก็เหมือนตายตามไปด้วย เพราะไร้ญาติขาดมิตรที่จะคอยช่วยเหลือหรือที่จะคอยพึ่งพาได้
๓)วรรคทองจากเพลงยาวถวายโอวาท
๓)วรรคทองจากเพลงยาวถวายโอวาท
มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท
อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์
จงมักน้อยกินน้อยค่อยบรรจง
จงมักน้อยกินน้อยค่อยบรรจง
อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน
ไม่ควรซื้อก็อย่าไปพิไรซื้อ
ไม่ควรซื้อก็อย่าไปพิไรซื้อ
ให้เป็นมื้อเป็นคราวทั้งคาวหวาน
เมื่อพ่อแม่แก่เฒ่าชรากาล
เมื่อพ่อแม่แก่เฒ่าชรากาล
จงเลี้ยงท่านอย่าให้อดระทดใจ
ด้วยชนกชนนีนั้นมีคุณ
ด้วยชนกชนนีนั้นมีคุณ
ได้การุญเลี้ยงรักษามาจนใหญ่
อุ้มอุทรป้อนข้าวเป็นเท่าไร
อุ้มอุทรป้อนข้าวเป็นเท่าไร
หมายจะได้พึ่งพาธิดาดวง
อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก
แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย
แม้เจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย
เจ็บจนตายนั้นเพราะเหน็บให้เจ็บใจ
แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย
แม้เจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย
เจ็บจนตายนั้นเพราะเหน็บให้เจ็บใจ
(สุนทรภู่)
วิเคราะห์ด้านเนื้อหา:
จากเพลงยาวถวายโอวาทบทนี้ได้สอนเกี่ยวกับ การรู้จักเก็บออมเงินใช่จ่ายตามความเหมาะสมตามฐานะของตน
สิ่งใดไม่ควรซื้อก็หย่าซื้อเมื่อยามบิดามารดาถึงคราวแก่ชราก็ให้ก็ให้ดูแลท่านเหมือนที่ท่านเคยเลี้ยงเรามาจนเติบใหญ่หวังจะได้พึ่งพาอาศัย
ส่วนคำพูดที่อ่อนหวานฟังแล้วย่อมไม่เบื่อเหมือนการกินน้ำตาลอ้อยที่หวานลิ้นฉันนั้น
และสุดท้ายถึงแม้ร่างกายจะเจ็บมากหมื่นแสนสักเท่าไร ก็ไม่สู้เจ็บใจ
๔)วรรคทองจากเรื่องพระอภัยมณี
อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ
ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน
แค่องค์พระปฏิมายังราคิน
คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา
ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน
แค่องค์พระปฏิมายังราคิน
คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา
(สุนทรภู่)
วิเคราะห์ด้านเนื้อหา:
จากวรรคทองเรื่องพระอภัยมณีบทนี้ได้ความว่าคำพูดนินทากันเหมือนกับการเทน้ำไม่มีผลกระทบใดไม่เหมือนกับการทำร้ายเปรียบได้กับการเอามีดมากรีดหิน
ซึ่งจะทำให้ได้รับบาดเจ็บ แม้กระทั้งพระพุทธรูปยังโดนนินทา
นับประสาอะไรกับคนทั่วไปก็ย่อมมีคนนินทา
วิเคราะห์ด้านจุดประสงค์ของกวี: สุนทรภู่พยายามสอนไม่ให้ถือเกี่ยวกับคำนินทาของคน
๕)จากพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีเกี้ยวนางละเวง
๕)จากพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีเกี้ยวนางละเวง
ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร
ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
แม้เกิดในใต้ฟ้าสุธาธาร
ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา
แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ
พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา
แม้เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา
เชยผกาโกสุมประทุมทอง
ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
แม้เกิดในใต้ฟ้าสุธาธาร
ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา
แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ
พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา
แม้เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา
เชยผกาโกสุมประทุมทอง
แม้เป็นถ้ำอำไพใคร่เป็นหงส์
จะร่อนลงสิงสู่เป็นคู่สอง
ขอติดตามทรามสงวนนวลละออง
เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป
จะร่อนลงสิงสู่เป็นคู่สอง
ขอติดตามทรามสงวนนวลละออง
เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป
(สุนทรภู่)
วิเคราะห์ด้านเนื้อหา: จากเรื่องพระอภัยมณีตอนพระอภัยมณีเกี้ยวนางละเวงเป็นการเปรียบเทียบความรักที่ยิ่งใหญ่และอุปสรรค์ที่ต้องพบ
ความรักจะคงอยู่ตลอดไป ตัวอย่างเช่นชายหนุ่มนั้นอยากตามหญิงสาวแม้พลัดพรากจากกัน
หากเธอเป็นน้ำเขาจะเป็นปลาหากเธอเป็นบัวเขาจะเป็นแมลง เป็นการยกตัวอย่างมาบรรยายให้เห็นภาพยิ่งขึ้นถือเป็นงานประพันธ์ที่ดีพอสมควร
๖)วรรคทองจากนิราศเจ้าฟ้า
เขาย่อมเปรียบเทียบความว่ายามรัก
แต่น้ำผักต้มขมชมว่าหวาน
ครั้นรักจางห่างเหินไปเนิ่นนาน
แต่น้ำตาลว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแล
แต่น้ำผักต้มขมชมว่าหวาน
ครั้นรักจางห่างเหินไปเนิ่นนาน
แต่น้ำตาลว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแล
(สุนทรภู่)
วิเคราะห์ด้านเนื้อหา: จากวรรคทองเรื่องนิราศเจ้าฟ้าบทนี้ได้ความว่า
เมื่อยามใดมีความรักเปรียบได้กับการรับทานน้ำต้มผักก็ยังว่าหวาน
แต่ครั้งเมื้อเวลาผ่านไปนานๆแม้น้ำตาลก็ยังว่าเปรี้ยว
วิเคราะห์จุดประสงค์ของกวี: สุนทรภู่จะพยายามแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของความรัก
๗)วรรคทองจากเรื่องพระอภัยมณี
เป็นมนุษย์สุดนิยมเพียงลมปาก
จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา
แม้นพูดดีมีคนเขาเมตตา
จะพูดจาพิเคราะห์ให้เหมาะความ
จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา
แม้นพูดดีมีคนเขาเมตตา
จะพูดจาพิเคราะห์ให้เหมาะความ
(สุนทรภู่)
วิเคราะห์ด้านเนื้อหา:
จากวรรคทองเรื่องพระอภัยมณีบทนี้ได้ความว่าการรู้จักใช้คำพูดใช้ถ้อยคำที่ดีย่อมทำให้คนหลงใหลถ้าพูดดีก็ย่อมจะมีคนเมตตา
และต้องคำนึงถึงความเหมาะสมด้วย
๘)วรรคทองจากนิราศภูเขาทอง
ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์
มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา
แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา
ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก
สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป
ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป
แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืนฯ
ถึงบางเดื่อโอ้มะเดื่อเหลือประหลาด
บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส้
เหมือนคนพาลหวานนอกย่อมขมใน
เหมือนคนพาลหวานนอกย่อมขมใน
อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา
(สุนทรภู่
นิราศภูเขาทองนี้ เป็นนิราศที่ไพเราะที่สุด)
๙)วรรคทองจากเรื่องอิเหนาตอนศึก
มนังกุหนิง
“แล้วว่าอนิจจาความรัก
พึ่งประจักษ์ดั่งสายน้ำไหล
ตั้งแต่จะไหลเชี่ยวเป็นเกลียวไป
ที่ไหนเลยจะไหลคืนมา “
พึ่งประจักษ์ดั่งสายน้ำไหล
ตั้งแต่จะไหลเชี่ยวเป็นเกลียวไป
ที่ไหนเลยจะไหลคืนมา “
วิเคราะห์ด้านเนื้อหา:
จากวรรคทองเรื่องอิเหนาตอนศึก มนังกุหนิงได้ความว่าความรักของอิเหนานั้นคงเป็นเหมือนสายน้ำที่ไหลแล้วก็ไหลมีวันไหลกลับไม่กลับมาอีก
เพราะอิเหนามีคู่หมั้นเก่า คือ นางบุษบา
๑๐)วรรคทองจากเรื่อง
มัทนะพาธาคำฉันท์
“ความรักเหมือนโรคา
บันดาลตาให้มืดมน
ไม่ยินและไม่ยล
อุปสรรคใดใด
ความรักเหมือนโคถึก
กำลังคึกผิขังไว้
ก็โลดจากคอกไป
บ่ยอมอยู่ ณ ที่ขัง
ถึงหากจะผูกไว้
ก็ดึงไปด้วยกำลัง
ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง
บ่หวนคิดถึงเจ็บกาย”
บันดาลตาให้มืดมน
ไม่ยินและไม่ยล
อุปสรรคใดใด
ความรักเหมือนโคถึก
กำลังคึกผิขังไว้
ก็โลดจากคอกไป
บ่ยอมอยู่ ณ ที่ขัง
ถึงหากจะผูกไว้
ก็ดึงไปด้วยกำลัง
ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง
บ่หวนคิดถึงเจ็บกาย”
วิเคราะห์ด้านเนื้อหา: จากเรื่องมัทนะพาธาคำฉันท์เป็นตอนที่ท้าวชัยเสนไปพบนางมัทนาในป่า
แล้วต้องการเป็นชายา ฤษีกาละทรรศินซึ่งมีนางคนรับใช้จึงเตือนว่า “ความรักมีได้แต่ต้องระวัง”
ฤษีกาละทรรศินเปรียบความรักเหมือนโรคร้าย
หากมีเข้าก็จะเปรียบเหมือนคนตาบอดหูหนวก ไม่ได้ยินได้เห็นอะไรทั้งสิ้น
และก็เปรียบความรักเป็นโคหนุ่ม เพราะมีทั้งแรงและกำลัง
จะกักขังไว้ก็ไม่ได้มันก็จะพยายามพุ่งออกไปจนลืมความเจ็บปวด
๑๑)วรรคทองจากกาพย์เห่เรือ
เรื่อยเรื่อยมารอนรอน
ทิพากรจะตกต่ำ
สนธยาจะใกล้ค่ำ
สนธยาจะใกล้ค่ำ
คำนึงหน้าเจ้าตราตรู
เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง
เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง
นกบินเฉียงไปทั้งหมู่
ตัวเดียวมาพลัดคู่
ตัวเดียวมาพลัดคู่
เหมือนพี่อยู่ผู้เดียวดาย
(พระราชนิพนธ์ในเจ้าฟ้ากรมขุนเสนาพิทักษ์
มีพระนามเดิมว่า เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐสุริยวงศ์
หรือพระนามที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร หรือ เจ้าฟ้ากุ้ง)
วิเคราะห์ด้านเนื้อหา: จากวรรคทองกาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรแสดงถึงความอาลัยหาถึงบุคคลอันเป็นที่รักโดยเปรียบเทียบจากสิ่งต่างๆเช่นพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน
เวลาจะใกล้ค่ำพี่ก็คิดถึงแต่หน้าน้อง นกบินสูงเฉียงไปทั้งฝูงแต่มีอยู่ตัวหนึ่งต้องพลัดจากคู่เหมือนกับพี่ที่ต้องอยู่คนเดียว
๑๒)โคลงสยามานุสสติ
๏ รักราช จงจิตน้อม ภักดี ท่านนา
รักชาติ์ กอบกรณีย์ แน่วไว้
รักศาสน์ กอบบุญตรี สุจริต ถ้วนเทอญ
รักศักดิ์ จงจิตให้ โลกซร้องสรรเสริญฯ
๏ รักราช จงจิตน้อม ภักดี ท่านนา
รักชาติ์ กอบกรณีย์ แน่วไว้
รักศาสน์ กอบบุญตรี สุจริต ถ้วนเทอญ
รักศักดิ์ จงจิตให้ โลกซร้องสรรเสริญฯ
๏ ยามเดินยืนนั่งน้อม กะมล
รำลึกถึงเทศตน อยู่ยั้ง
เปนรัฏฐะมณฑล ไทยอยู่ สราญฮา
ควรถนอมแน่นตั้ง อยู่เพี้ยงอวสานฯ
รำลึกถึงเทศตน อยู่ยั้ง
เปนรัฏฐะมณฑล ไทยอยู่ สราญฮา
ควรถนอมแน่นตั้ง อยู่เพี้ยงอวสานฯ
๏ ใครรานใครรุกด้าว
แดนไทย
ไทยรบจนสุดใจ ขาดดิ้น
เสียเนื้อเลือดหลั่งไหล ยอมสละ สิ้นแล
เสียชีพไป่เสียสิ้น ชื่อก้องเกียรติงามฯ
ไทยรบจนสุดใจ ขาดดิ้น
เสียเนื้อเลือดหลั่งไหล ยอมสละ สิ้นแล
เสียชีพไป่เสียสิ้น ชื่อก้องเกียรติงามฯ
๏ หากสยามยังอยู่ยั้ง
ยืนยง
เราก็เหมือนอยู่คง ชีพด้วย
หากสยามพินาศลง ไทยอยู่ ได้ฤๅ
เราก็เหมือนมอดม้วย หมดสิ้นสกุลไทยฯ
เราก็เหมือนอยู่คง ชีพด้วย
หากสยามพินาศลง ไทยอยู่ ได้ฤๅ
เราก็เหมือนมอดม้วย หมดสิ้นสกุลไทยฯ
(พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๖ พบว่า โคลง
๒ บทสุดท้ายนี้เราได้นำมาร้องเพลง
ประเภทเพลงปลุกใจ) สยามานุสสติ
เป็นคำโคลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ไว้
ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๑
และได้พระราชทานแก่ทหารอาสาสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑
ต่อมาได้มีการนำโคลงนี้มาแต่งเป็นเพลงปลุกใจ ซึ่งประพันธ์ทำนองโดยนารถ
ถาวรบุตร
วิเคราะห์ด้านเนื้อหา:
๑๓)วรรคทองจากเรื่องพระนลคำหลวง
๏ นานาประเทศล้วน นับถือ
คนที่รู้หนังสือ
แต่งได้
ใครเกลียดอักษรคือ
คนป่า
ใครเยาะกะวีไซร้
แน่แท้คนดง
(พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่๖)
๑๔)วรรคทองจากลิลิตพระลอ
๏
เสียงฦๅเสียงเล่าอ้าง
อันใด พี่เอย
เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า
สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤๅพี่
สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ
เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า
สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤๅพี่
สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ
๑๕)วรรคทองจาก
วิวาห์พระสมุทร
ปากเป็นเอกเลขโทโบราณว่า
หนังสือตรีมีปัญญาไม่เสียหาย
ถึงรู้มากไม่มีปากลำบากตาย
มีอุบายพูดไม่เป็นเห็นป่วยการ
ถึงเป็นครูรู้วิชาปัญญามาก
ไม่รู้จักใช้ปากให้จัดจ้าน
เหมือนเต่าฝั่งนั่งซื่อฮื้อรำคาญ
วิชาชาญมากเปล่าไม่เข้าที
หนังสือตรีมีปัญญาไม่เสียหาย
ถึงรู้มากไม่มีปากลำบากตาย
มีอุบายพูดไม่เป็นเห็นป่วยการ
ถึงเป็นครูรู้วิชาปัญญามาก
ไม่รู้จักใช้ปากให้จัดจ้าน
เหมือนเต่าฝั่งนั่งซื่อฮื้อรำคาญ
วิชาชาญมากเปล่าไม่เข้าที
(พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๖
เป็นบทละครพูดสลับลำ มีทั้งบทร้องและบทเจรจา)
๑๖) วรรคทองจากนิราศพระแท่นดงรัก
อันเมารักมักหลงพะวงรัก
ใครจะชักฉุดไว้ก็ไม่ไหว
กำลังมืดเมามัวไม่กลัวใคร คงจะไปหารักที่พักพิง
(นายมี)
กำลังมืดเมามัวไม่กลัวใคร คงจะไปหารักที่พักพิง
(นายมี)
๑๗)วรรคทองจากนิราศพระแท่นดงรัก
แมลงภู่เป็นคู่ของบุปผา
บูราณว่าเห็นจริงทุกสิ่งสม
หญิงกับชายก็เป็นคู่ชูอารมณ์ ชั่วปฐมกัปป์กัลป์พุทธันดร
ใครมีคู่พลัดคู่ไม่มีสุข มักเกิดทุกข์ใหญ่ยิ่งกว่าสิงขร
เหมือนตัวเรียมร่ำรักหนักอุทร ด้วยจากจรมิได้อยู่เป็นคู่เชย
(นายมี)
หญิงกับชายก็เป็นคู่ชูอารมณ์ ชั่วปฐมกัปป์กัลป์พุทธันดร
ใครมีคู่พลัดคู่ไม่มีสุข มักเกิดทุกข์ใหญ่ยิ่งกว่าสิงขร
เหมือนตัวเรียมร่ำรักหนักอุทร ด้วยจากจรมิได้อยู่เป็นคู่เชย
(นายมี)
๑๘)วรรคทองจากเรื่องพระอภัยมณี
เขาย่อมเปรียบเทียบความว่ายามรัก
แต่น้ำผักต้มขมชมว่าหวาน
ครั้นจืดจางห่างเหินไปเนิ่นนาน แต่น้ำตาลก็ว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแลฯ
(สุนทรภู่)
ครั้นจืดจางห่างเหินไปเนิ่นนาน แต่น้ำตาลก็ว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแลฯ
(สุนทรภู่)
วิเคราะห์ด้านเนื้อหา: จากวรรคทองเรื่องพระอภัยมณีบทนี้ได้ความว่า
เมื่อยามใดมีความรักเปรียบได้กับการรับทานน้ำต้มผักก็ยังว่าหวาน แต่ครั้งเมื้อเวลาผ่านไปนานๆแม้น้ำตาลก็ยังว่าเปรี้ยว
วิเคราะห์จุดประสงค์ของกวี: สุนทรภู่จะพยายามแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของความรัก
๑๙)วรรคทองจากนิราศพระบาท
เจ้าของตาลรักหวานขึ้นปีนต้น
ระวังตนตีนมือระมัดมั่น
เหมือนคบคนคำหวานรำคาญครัน ถ้าพลั้งพลันเจ็บอกเหมือนตกตาล
(สุนทรภู่)
เหมือนคบคนคำหวานรำคาญครัน ถ้าพลั้งพลันเจ็บอกเหมือนตกตาล
(สุนทรภู่)
วิเคราะห์ด้านเนื้อหา: จากวรรคทองของนิราศพระบาทบทนี้สอนเกี่ยวกับการคบคน
ในการคบกับคนที่พูดดีพูดหวานหูก็ให้รู้จักระมัดระวังตัว
มิเช่นนั้นอาจเจ็บตัวเหมือนคนที่ปีต้นตาลเพื่ออยากใด้น้ำหวานก็ควรระวังตัวเพราะอย่างนั้นอาจตกมาเจ็บตัวเพราะความหวานที่มาล่อลวงนั้นได้
๒๐)วรรคทองจาก เรื่องพระอภัยมณี
แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
มันยากสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด
ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน
มนุษย์นี้ที่รักอยู่สองสถาน
บิดามารดารักมักเป็นผล
ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน
เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจา
แม้นใครรักรักมั่งชังชังตอบ
ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา
รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชา
รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
มันยากสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด
ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน
มนุษย์นี้ที่รักอยู่สองสถาน
บิดามารดารักมักเป็นผล
ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน
เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจา
แม้นใครรักรักมั่งชังชังตอบ
ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา
รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชา
รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
(สุนทรภู่)
Best price bookmakers 2021 카지노 가입 쿠폰 카지노 가입 쿠폰 jeetwin jeetwin 264Tombola Vouchers and Promotions | Casino of IGB
ตอบลบWow that was unusual. I just wrote an really long comment but after I clicked submit my comment didn’t show up.
ตอบลบGrrrr… well I’m not writing all that over again. Anyway,
just wanted to say wonderful blog!
Feel free to surf to my web-site; Fivem scripts